“ตับ” อีกหนึ่งอวัยวะสำคัญไม่แพ้หัวใจ อาหารบำรุงตับ จึงถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ช่วยให้เจ้าอวัยวะมหัศจรรย์ซึ่งทำหน้าที่กว่า 500 อย่างให้ร่างกายเรา สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ลองมาทำความรู้จักตับกันอีกนิด ตับ คือ อวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย มีขนาดเท่าลูกฟุตบอล นอกจากนี้ยังทำงานหลายอย่างให้ร่างกายเรา เช่น
– กรองเลือดในร่างกาย
– สะสมอาหาร และเปลี่ยนเป็นพลังงาน
– ขจัดยาสารพิษออกจากร่างกาย
– ผลิตโปรตีน ภูมิคุ้มกัน และน้ำดี
– เก็บไกลโคเจน วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น
– เปลี่ยนแอมโมเนียเป็นยูเรีย ขับออกทางปัสสาวะ
– เปลี่ยนอาหาร หรือยาให้อยู่ในรูปแบบที่ใช้ประโยชน์ได้
และอื่น ๆ อีกมากมาย หากสมองเป็นศูนย์กลางที่ควบคุมร่างกาย ตับก็เป็นโรงงานใหญ่ที่ประสานงานให้ทุกหน่วยทำงานได้อย่างปกติ และเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นโรงงานใหญ่แล้ว การบำรุงรักษาตับเป็นประจำก็เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ รวมถึงศัตรูตัวฉกาจที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “โรคอันตราย” พร้อมทำลายตับเราจะเป็นโรคอะไรที่เราควรรู้จักไว้.. หาคำตอบไปด้วยกันในบทความนี้กันได้เลย
อยากรู้เรื่องไหน..คลิกแล้ว เจอเลย !
- 4 โรคอันตราย ที่ต้องรีบหา อาหารบำรุงตับ มาช่วย
– ไวรัสตับอักเสบ
– ไขมันพอกตับ
– ตับอักเสบ
– ตับแข็ง - จะรู้ได้อย่างไร ? ว่าตับกำลังเรียกร้องหา อาหารบำรุงตับ
- เทคนิคการเลือก อาหารบำรุงตับ
- สรุป
4 โรคอันตราย ที่ต้องรีบหา อาหารบำรุงตับ มาช่วย
(1) ไวรัสตับอักเสบ
โรคยอดฮิตที่คนกว่า 350 คนทั่วโลก ล้วนมีเจ้าเชื้อไวรัสตับอยู่ในตัวโดยสามารถแบ่งได้เป็นชนิด เอ บี ซี ดี และ อี บางคนอาจจะยังไม่รู้ตัวว่ามีเชื้อเหล่านี้อยู่ฝนร่างกาย และหลายคนแม้รู้แล้วก็อาจจะยังไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เพราะเห็นว่าอาการไม่ได้รุนแรงอะไร แต่แท้จริงแล้วหากปล่อยไว้ก็สามารถเป็นบ่อเกิดของตับแข็ง และมะเร็งตับได้เลยทีเดียว
โดยประเทศไทยเรามีคนเป็นไวรัสตับอักเสบชนิดบีเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นอีกโรคจากไวรัสนี้ก็ถือเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขของโลก ซึ่งการติดเชื้อสามารถเกิดได้หลายปัจจัย เช่น
– การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
– การมีเพศสัมพันธ์โดยปราศจากการใช้ถุงยางอนามัย
– การใช้แปรงสีฟัน หรือที่ตัดเล็บ มีดโกนร่วมกัน
– กรณีมารดามีเชื้อ ลูกที่คลอดออกมาสามารถติดเชื้อได้ถึง 90%
– การสัมผัสกับเลือด น้ำคัดหลั่ง โดยผ่านเข้าทางบาดแผล
เหล่านี้เป็นต้น และสำหรับผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบในตัว ตับเองจะเกิดอาการอักเสบได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ทำให้มีโอกาสเป็นตับแข็ง และมะเร็งได้มากกว่าคนปกติเช่นกัน ซึ่งหากไม่ระวัง คอยฟื้นฟูดูแลตับเราให้แข็งแรงมีสุขภาพดีอยู่เสมอ โรคร้ายก็ตามมาเล่นงานได้ไม่ยาก อาหารบำรุงตับ จึงเป็นตัวช่วยที่ป้องกันและลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นตับแข็ง และมะเร็งตับในอนาคตได้
(2) ไขมันพอกตับ
ภัยเงียบยอดนิยม ที่คนไทยเป็นกันทั่ว เพราะด้วยไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันของคนส่วนใหญ่ ที่ทั้งชอบทานบุฟเฟ่ต์ เยียวยาหัวใจตัวเองกันด้วยชานมไข่มุก รวมถึงปัญหาความเครียดจากภาระการงาน ปัญชีวิต รวมไปถึงหลายคนไม่ได้หมั่นออกกำลังกาย สิ่งเหล่านี้ล้วยเป็นพฤติกรรมทำร้ายตับที่เราทำกันไปโดยไม่รู้ตัว และความน่ากลัวของโรคไขมันพอกตับนี้จะไม่แสดงอาการอะไรรุนแรง จนเข้าสู่ภาวะอันตรายนั่นคือตอนที่เป็นตับแข็ง หรือมะเร็งตับแล้ว เราถึงจะรู้ตัว ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นอาจจะเหลือแต่คำว่า “สายเกินไป”
สาเหตุที่ก่อให้เกิด ไขมันพอกตับ
✓ ชอบทานของทอด ของมัน
✓ ติดของหวาน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือเครื่องดื่ม
✓ มีการดื่มแอลกอฮอล์
✓ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
✓ ไม่ทานอาหารเช้า
✓ นอนดึก พักผ่อนน้อย
✓ มีการนั่งอยู่กับที่นาน ๆ ไม่ว่าจะนั่งทำงาน หรือทำงานอดิเรก
✓ ทานยาเข้าไปในปริมาณมาก
✓ ข้องเกี่ยวกับสารพิษ หรือสารเคมีในชีวิตประจำวัน
โดยเฉพาะผู้ที่เป็นไขมันพอกตับ (ที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์) มักมีภาวะโรคอ้วนร่วมด้วย ตัวช่วยบำรุงตับที่ดีจะมีงานวิจัยรับรอง ที่สามารถช่วยลดไขมันเลว (LDL) เพิ่มไขมันดี (HDL) ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยลดระดับไขมันพอกตับได้ด้วย
(3) ตับอักเสบ
อีกหนึ่งโรคที่หลายคนมักมองข้าม เพราะว่าไม่ใช่โรคที่อันตรายอะไร อักเสบแล้วก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคร้ายแรงในการใช้ชีวิตแต่อย่างใด จึงทำให้คน ส่วนใหญ่ละเลยที่จะรักษาอาการอักเสบให้หายดี โดยสาเหตุของการอักเสบนี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อไวรัส การดื่มแอลกอฮอล์ การทานอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง หรือการทานยาบางประเภทจนเกิกเป็นสารพิษตกค้างในตับ ทำให้ตับอักเสบได้เช่นกัน
ตับอักเสบส่งผลอันตรายอย่างไรได้บ้าง ?
หากปล่อยให้ตับมีอาการอักเสบเรื้อรัง แน่นอนว่าย่อมนำไปสู่ภาวะตับแข็ง และมะเร็งตับได้ ทว่านอกจากนี้ยังอาจเป็นสิ่งน่ารำคาญใจในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราได้ เพราะเมื่อตับอักเสบแล้ว จะมีอาการเหล่านี้ตามมา
– อ่อนเพลีย ไม่มีแรง รู้สึกง่วงตลอดเวลา
– ปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ
– ท้องอืด แน่น จุกเสียด
– มีปัญหาในการนอนหลับ ตื่นบ่อยในช่วงกลางคืน
– ตัวเหลือง ตาเหลือง
– มือ เท้า แขน ขา รวมทึกท้องบวมโตขึ้น
– เลือดออกง่าย แผลหายยาก
– รู้สึกไม่อยากอาหาร
อาการเหล่านี้ไม่ใช่แค่สร้างความลำบากในชีวิตให้เราเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าตับกำลังส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ หากไม่รีบบำรุงฟื้นฟูให้ตับกลับมาทำงานได้ดีที่ดังเดิม ตับพังขึ้นมา..แม้หัวใจ และส่วนอื่นยังแข็งแรงดี แต่ร่างกายก็อยู่ต่อไปไม่ได้เช่นกัน
(4) ตับแข็ง
โรคตับสุดอันตรายที่คร่าชีวิตนักดื่มกันมานักต่อนัก โดยสำหรับผู้ที่มีภาวะตับแข็งจะมีอาการแทรกซ้อนหลายอย่าง สร้างอุปสรรคในการดำเนินชีวิตอย่างมาก และหากปล่อยให้ตับแข็งลุกลามต่อไป มะเร็งตับก็อยู่อีกไม่ไกล หรือไม่ต้องถึงระยะมะเร็ง เจ้าโรคตับแข็งก็เอาชีวิตเราไปได้อย่างไม่ยากเย็น ซึ่งผู้ที่มีภาวะตับแข็งจะเกิดอาการแทรกซ้อน ได้ดังนี้
– ขา แขน ท้อง บวมโต เนื่องจากตับผลิตโปรตีนอัลบูมินได้น้อยลง ส่งผลให้มีน้ำสะสมในอวัยวะดังกล่าว
– เกิดจากการสะสมเม็ดสีของน้ำดี เป็นภาวะดีซ่าน ตัวตาเหลือง
– เลือดออกได้ง่าย แผลหายยาก จากการที่ตับผลิตโปรตีนอันเป็นส่วนประกอบในการทำให้เลือดแข็งตัวลดลง
– อ่อนแรง ไม่อยากอาการ อาจมีอากาคลื่นไส้ร่วมด้วย
– สารประกอบของน้ำดีถูกฝังอยู่ในผิวหนัง ส่งผลให้มีอาการคันที่ผิวหนังอย่างรุนแรง
– กรณีผู้ป่วยตับแข็งจะไม่สามารถกรองยาออกจากเลือดได้ในอัตราปกติ จึงมีความไวต่อยา และเกิดผลข้างเคียงหลังทานได้ง่าย
– มีเลือดออกอย่างรุนแรงในกระเพาะอาหารส่วนบนหรือหลอดอาหาร
ซึ่งมีหลาย ๆ คนคิดว่าตับแข็งอาจจะหมดทางรักษา แต่จริง ๆ แล้วเมื่อตับแข็ง จะไม่ได้แข็งไปทีเดียวทั้งก้อนตับ แต่ยังมีส่วนที่ทำงานได้ แต่ออาจจะเกิดอาการอักเสบมากแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าเราควรดูแล บำรุงรักษาในส่วนที่ยังดีอยู่ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อาจจะด้วยยาจากทางแพทย์ หรือ อาหารบำรุงตับ ที่ปลอดภัยไม่ทิ้งสารตกค้าง เพื่อไม่ให้เป็นภาระตับอีกต่อ
จะรู้ได้อย่างไร ? ว่าตับกำลังเรียกร้องหา อาหารบำรุงตับ
✓ คุณมีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
✓ มีปัญหาในการนอนหลับ หลับไม่สนิทบ้าง หลับยากบ้าง
✓ อาหารไม่ย่อย ท้องอืดบ่อย ๆ
✓ ปวดจุกแน่นที่ชายโครงขวา
✓ ความอยากอาหารลดลง
✓ ความสามารถในการตัดสินใจและสมาธิลดลง
หากคุณมีอาการ 1 ใน 6 ข้อนี้ บ่งบอกได้ว่าตับกำลังมีปัญหาแล้ว เพราะอาการเหล่านี้เป็นปัญหาที่เกิดจากตับทำงานผิดปกติ รวมถึงผู้ที่มีพฤติกรรมดื่มแอลกอฮอล์หรือทานของทอด ของมัน ร่วมด้วยก็ยิ่งสร้างภาระหนักให้ตับมากขึ้นไปอีก
โดยหากอยากหันมาบำรุงตับเราให้แข็งแรงอีกครั้ง นอกการการคุมพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และหมั่นออกกำลังกายบ่อย ๆ แล้ว..การป้อนอาหารเสริมช่วยบำรุงตับอีกแรง ก็สามารถเห็นผลได้ชัดเจน และไวยิ่งขึ้น
เทคนิคการเลือก อาหารบำรุงตับ
- ผลิตจากวัตถุดิบ หรือสารสกัด ที่มีผลวิจัยทางการแพทย์รองรับ
แม้ตัวช่วยบำรุงตับจะมีอยู่มากมายในท้องตลาด แต่หลายตัวกลับไม่มีงานวิจัยทางการแพทย์รับรองในตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งหากทานไปอาจจะไม่สามารถเห็นผลได้จริง และเป็นการเสียค่าใช้จ่ายไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยแนะนำ “เฮฟฟีก้า” ผลิตภัณฑ์บำรุงตับ หนึ่งเดียวที่มีงานวิจัย และได้รับการตีพิมพ์ลงวารสารทางการแพทย์ที่ได้รับความน่าเชื่อถือในระดับโลก - ได้มาตรฐานการผลิต รับรองความปลอดภัย
เมื่อเราอยากจะทาน หรือรับอะไรสักอย่างเข้าสู่ร่างกาย สิ่งพื้นฐานที่ต้องคำนึงถึงอีกอย่างคือเมื่อทานเข้าไปแล้วจะปลอดภัยจริงหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบำรุงตับ การได้รับยา หรือสมุนไพรเข้าไปในปริมาณมาก และติดต่อกันในเวลานาน เมื่อเกิดสารตกค้างสะสม เนื้อตับอาจจะถูกทำลายได้ เครื่องหมายรับรอง และกรรมวิธีผลิตที่ได้มาตรฐาน เช่น เครื่องหมาย อย. หรือการผ่านมาตรฐาน PIC/S GMP จึงเป็นเครื่อการันตีให้เราได้ว่า เมื่อทานตัวช่วยบำรุงตับนี้ไปแล้ว จะเป็นการฟื้นฟูตับ ไม่ใช่ไปเพิ่มภาระให้ตับแทน - ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้อย่างเต็มที่
โดยไม่ต้องบริโภคถี่ หรือทานวันนึงไปในปริมาณมาก แสดงให้เห็นได้ว่าตัวสารสกัดนั้นมีคุณภาพจริง ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ - ทานได้ต่อเนื่องไม่มีผลข้างเคียง
ด้วยความที่เป็นอาหารบำรุง หลายคนจะมีการทานอย่างต่อเนื่อง หากทานแล้วเกิดผลข้างเคียง เช่น ผื่นขึ้น หายใจหอบ อาจจะลองหยุดเพื่อดูอาการ และลองปรึกษาแพทย์ดูเพิ่มเติมเพื่อตัดสินใจว่าจะทาน
สรุป
ความน่ากลัวของโรคตับอันตรายทั้ง ไวรัสตับอักเสบ ไขมันพอกตับ ตับอักเสบ เหล่านี้มักจะไม่แสดงอาการที่รุนแรงในช่วงแรก ทำให้เรามองข้ามและยากที่จะสังเกตเห็นได้ จนเมื่อโรคเหล่านี้เข้าสู่ภาวะอันตรายอย่างตับแข็ง หรือมะเร็งตับไปแล้ว อาจยากที่จะรักษาตามไปในภายหลัง
สิ่งสำคัญจึงต้องบำรุงฟื้นฟูดูแลตับเราไม่ให้อักเสบ เพื่อป้องกันโรคร้ายที่พร้อมจู่มโจมตับเราได้ทุกเวลา ตัวช่วยอย่าง อาหารบำรุงตับ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับหลาย ๆ คนที่บางครั้งไม่สามารถหลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายตับในชีวิตประจำวันได้
โดยหากใครสนใจอยากหาตัวช่วยดี ๆ หรืออยากสอบถามปัญหาสุขภาพ สามารถขอคำปรึกษากันได้ฟรี ๆ ที่ Fanpage และ Line@ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญและเภสัชกรพร้อมให้คำแนะนำในทุกเวลา