ไวรัสตับอักเสบบี โรคเงียบที่อาจเริ่มจากอาการเล็ก ๆ อย่างปวดท้องด้านขวา

ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) เป็นหนึ่งในโรคตับที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทย และถือเป็น “โรคเงียบ” ที่มักไม่มีอาการชัดเจนในระยะแรก หลายคนตรวจพบโรคโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจำปี หรือบางคนเริ่มมีเพียงอาการเล็ก ๆ อย่างปวดท้องด้านขวา เหนื่อยง่าย หรือเบื่ออาหาร แต่แท้จริงแล้วตับอาจกำลังถูกทำลายโดยไวรัสอย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้ตัว

ไวรัสตับอักเสบบีคืออะไร

ไวรัสตับอักเสบบี เป็นการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่เข้าไปทำลายเซลล์ตับโดยตรง ทำให้เกิดตับอักเสบ ซึ่งอาจเป็นแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ผู้ติดเชื้อจำนวนมากอาจไม่แสดงอาการ แต่เชื้อจะคงอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน และในบางรายอาจพัฒนาไปสู่ตับแข็งหรือมะเร็งตับได้ในระยะยาว

การติดต่อของไวรัสตับอักเสบบี

  • ทางเลือด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ไม่สะอาด
  • ทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีคู่นอนหลายคนและไม่ป้องกัน
  • จากแม่สู่ลูก ขณะคลอดหรือตอนให้นมบุตร
  • การสัก เจาะ หรือทำเล็บ ด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ได้ฆ่าเชื้ออย่างถูกวิธี

อาการของผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี

ในระยะแรก ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ แต่บางรายอาจมีอาการเตือนเล็กน้อย เช่น

  • รู้สึกปวดท้องด้านขวา หรือแน่นชายโครงขวา
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • เบื่ออาหาร คลื่นไส้
  • ผิวเหลือง ตาเหลือง
  • ปัสสาวะมีสีเข้ม หรืออุจจาระสีซีด
  • ตรวจพบค่าตับสูงจากผลตรวจเลือด

ภาวะแทรกซ้อนจากไวรัสตับอักเสบบี

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม เชื้อไวรัสตับอักเสบบีจะค่อย ๆ ทำลายเซลล์ตับ ส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงตามมา เช่น

  • ตับอักเสบเรื้อรัง (Chronic Hepatitis B) – ทำให้ตับเสื่อมและเกิดพังผืด
  • ตับแข็ง (Liver Cirrhosis) – ตับแข็งตัวและสูญเสียความสามารถในการกรองของเสีย
  • มะเร็งตับ (Liver Cancer) – เกิดจากเซลล์ตับที่ถูกไวรัสทำลายและกลายพันธุ์

ทำไมไวรัสตับอักเสบบีถึงถูกเรียกว่า “โรคเงียบ”

เพราะผู้ติดเชื้อจำนวนมากไม่รู้ตัว เนื่องจากไม่มีอาการเจ็บป่วยชัดเจนในช่วงแรก จนกว่าจะเกิดตับอักเสบหรือค่าตับสูงขึ้นมาแล้ว เมื่ออาการเริ่มแสดง เช่นปวดท้องด้านขวา เหนื่อยง่าย หรือผิวเหลือง แปลว่าตับอาจเริ่มถูกทำลายไปแล้วกว่า 30–50%

วิธีป้องกันและดูแลตนเองจากไวรัสตับอักเสบบี

  • ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัย
  • หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคมร่วมกับผู้อื่น เช่น มีดโกน เข็ม หรือแปรงสีฟัน
  • ป้องกันการมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้ตับอักเสบรุนแรงขึ้น
  • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพตับ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ด
  • เสริมสารบำรุงตับ เช่น ซิลิมารินจากมิลค์ทิสเซิล ขมิ้นชัน และกลูต้าไธโอน เพื่อช่วยลดการอักเสบของตับ

ตรวจเช็กสุขภาพตับอย่างสม่ำเสมอ

หากคุณมีพฤติกรรมเสี่ยง หรือเคยตรวจพบค่าตับสูง ควรเข้ารับการตรวจเลือดหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและดูค่าการทำงานของตับอย่างสม่ำเสมอ เพราะการตรวจพบเร็วสามารถช่วยให้รักษาได้ทัน ป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลายจนเกิดตับแข็งหรือมะเร็งตับได้

สรุป

ไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคเงียบที่เริ่มต้นจากอาการเล็ก ๆ อย่างปวดท้องด้านขวาหรืออ่อนเพลีย แต่สามารถลุกลามจนเป็นตับอักเสบเรื้อรังและตับแข็งได้ในที่สุด การฉีดวัคซีนป้องกัน รักษาสุขอนามัย และเสริมอาหารที่ช่วยฟื้นฟูตับอย่างต่อเนื่อง จะช่วยปกป้องสุขภาพตับของคุณให้แข็งแรงได้ในระยะยาว