หลายคนพบภาวะไขมันพอกตับจาก “ผลตรวจสุขภาพประจำปี” โดยไม่รู้ตัว การอ่านค่าห้องแล็บอย่างมีระบบจะช่วยวางแผนดูแลตับได้แม่นยำขึ้น ทั้งในด้านอาหาร ออกกำลังกาย และการติดตามผลซ้ำ
ค่าพื้นฐานที่ควรรู้จัก
- ALT/AST: เอนไซม์บ่งชี้การอักเสบของตับ หากสูงต่อเนื่องควรประเมินเพิ่มเติม
- GGT: เพิ่มได้จากแอลกอฮอล์หรือท่อทางเดินน้ำดี
- ไตรกลีเซอไรด์/คอเลสเตอรอล: สัมพันธ์กับการสะสมไขมันในตับ
- น้ำตาลและค่าเฉลี่ยสะสม (FPG/HbA1c): บอกความเสี่ยงดื้อต่ออินซูลิน
ภาพทางการแพทย์ที่ใช้ประเมิน
- อัลตราซาวด์ช่องท้อง: ใช้บอกเบื้องต้นว่ามีไขมันแทรกในตับหรือไม่
- FibroScan/Elastography: ประเมินความแข็งของตับและระดับพังผืด
- MRI บางกรณี: ใช้เมื่อต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม
การติดตามผลอย่างเป็นระบบ
หลังเริ่มปรับพฤติกรรม แนะนำตรวจซ้ำทุก 3–6 เดือน เพื่อดูแนวโน้มค่า ALT/AST, โปรไฟล์ไขมัน, รอบเอว, และน้ำหนักตัว หากตัวเลขเคลื่อนลงอย่างต่อเนื่อง แปลว่าทิศทางการดูแลถูกต้อง
โครงสร้างเป้าหมาย 12 สัปดาห์
- สัปดาห์ 1–4: งดน้ำหวานทั้งหมด จำกัดแอลกอฮอล์เป็นศูนย์ เพิ่มผักครึ่งจาน
- สัปดาห์ 5–8: คาร์ดิโอ 150 นาที/สัปดาห์ + เวท 2 วัน/สัปดาห์
- สัปดาห์ 9–12: ปรับสัดส่วนอาหารละเอียดขึ้น ลดรอบเอวให้เห็นผล
เมื่อควรพบผู้เชี่ยวชาญ
หากค่าเอนไซม์ตับสูงต่อเนื่อง อ่อนเพลียมาก เหลือง ตาเหลือง ท้องมาน หรือมีโรคประจำตัวหลายอย่างร่วมกัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนเฉพาะบุคคล รวมถึงการใช้ยาและการตรวจติดตามที่เหมาะสม การอ่านผลตรวจอย่างเข้าใจ เปรียบเหมือนเข็มทิศนำทาง ช่วยให้การลดไขมันพอกตับเป็นเรื่องที่วัดผลได้จริง และปรับแผนได้ทันท่วงทีเมื่อเจออุปสรรคระหว่างทาง
