อาการ ปวดท้องข้างขวา เป็นอาการที่พบได้บ่อย ทั้งในคนวัยทำงาน คนสูงอายุ หรือแม้แต่วัยรุ่น บางครั้งอาจเป็นแค่ภาวะชั่วคราวจากการทานอาหารมากเกินไปหรือออกกำลังกายหนัก แต่ในบางกรณีก็อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติของอวัยวะสำคัญในช่องท้อง เช่น ตับ ถุงน้ำดี ลำไส้ หรือไตด้านขวา
อาการ ปวดท้องข้างขวา อยู่ตำแหน่งไหนบ้าง?
ตำแหน่งของอาการปวดสามารถช่วยบอกใบ้สาเหตุของโรคได้ โดยบริเวณด้านขวาของช่องท้องสามารถแบ่งคร่าว ๆ ได้ดังนี้
- ใต้ชายโครงขวา: บริเวณตับและถุงน้ำดี
- เอวด้านขวา: บริเวณไต หลอดเลือด และกล้ามเนื้อ
- ท้องน้อยขวา: บริเวณไส้ติ่งและลำไส้ส่วนปลาย
หากมีอาการ ปวดท้องข้างขวา ร่วมกับอาการอื่น เช่น ไข้ คลื่นไส้ อาเจียน เหลือง ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือปัสสาวะผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียด
สาเหตุที่พบบ่อยของอาการ ปวดท้องข้างขวา
1. ปัญหาเกี่ยวกับตับ
ตับอยู่บริเวณใต้ชายโครงด้านขวา หากตับมีภาวะอักเสบ ไขมันพอกตับ หรือตับทำงานหนักผิดปกติ อาจทำให้รู้สึกแน่นตึง หน่วง หรือ ปวดท้องข้างขวา แบบตื้อ ๆ ได้ บางคนอาจมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ท้องอืด แน่นท้อง และตรวจพบค่าตับสูงร่วมด้วย
2. ถุงน้ำดีอักเสบ หรือนิ่วในถุงน้ำดี
ถุงน้ำดีทำหน้าที่เก็บน้ำดีเพื่อช่วยย่อยไขมัน หากมีนิ่วหรือติดเชื้อในถุงน้ำดี อาจทำให้เกิดอาการปวดเสียดใต้ชายโครงขวา ปวดร้าวไปที่ไหล่ขวา หรือหลังส่วนบน มักปวดหลังจากทานอาหารมัน ๆ หรือมื้อใหญ่ ๆ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือมีไข้ร่วมด้วย ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของอาการ ปวดท้องข้างขวา ที่พบได้บ่อย
3. ไส้ติ่งอักเสบ
ไส้ติ่งอยู่บริเวณท้องน้อยด้านขวา โดยอาการเริ่มแรกมักปวดรอบสะดือก่อน แล้วจึงค่อย ๆ ย้ายมาปวดชัดเจนที่ท้องน้อยขวา อาจมีไข้ต่ำ ๆ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร หรือกดแล้วเจ็บมาก หากปล่อยทิ้งไว้อาจเสี่ยงไส้ติ่งแตก เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการ ปวดท้องข้างขวา รุนแรงเฉียบพลัน
4. ปัญหาเกี่ยวกับไต หรือทางเดินปัสสาวะด้านขวา
นิ่วในไต นิ่วในท่อไต หรือการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะด้านขวา อาจทำให้ปวดบั้นเอวหรือด้านข้างลำตัวขวา ปวดจี๊ดเป็นพัก ๆ หรือปวดร้าวลงไปถึงขาหนีบ บางรายอาจมีปัสสาวะแสบขัด ขุ่น หรืมีเลือดปนร่วมด้วย ซึ่งสามารถทำให้รู้สึกเหมือน ปวดท้องข้างขวา ได้เช่นกัน
5. ลำไส้อักเสบ ท้องอืด แก๊สในกระเพาะ
ภาวะท้องอืด แก๊สในลำไส้ หรือลำไส้อักเสบจากการทานอาหารไม่สะอาด อาหารเผ็ดจัด มันจัด หรือดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป อาจทำให้มีอาการจุกแน่นและ ปวดท้องข้างขวา แบบไม่รุนแรง ปวดบ้างหายบ้าง มักดีขึ้นเมื่อได้ขับลม ถ่ายอุจจาระ หรือพักผ่อน
สังเกตอาการแบบไหนควรรีบพบแพทย์?
อาการ ปวดท้องข้างขวา บางครั้งอาจหายเองได้ แต่หากมีสัญญาณเหล่านี้ ควรไปโรงพยาบาลหรือพบแพทย์ทันที
- ปวดรุนแรงเฉียบพลัน ทนไม่ไหว
- ปวดต่อเนื่องนานเกิน 6–12 ชั่วโมง ไม่ทุเลา
- มีไข้สูง หนาวสั่นร่วมกับการปวด
- คลื่นไส้ อาเจียนมาก กินอะไรไม่ได้
- ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือปัสสาวะมีสีเข้มผิดปกติ
- ปวดท้องร่วมกับท้องแข็ง กดเจ็บมาก
- มีเลือดปนในอุจจาระหรือปัสสาวะ
การตรวจอย่างละเอียดด้วยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจเลือด หรือใช้เครื่องมืออย่างอัลตราซาวนด์ จะช่วยให้ทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการ ปวดท้องข้างขวา และวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อมีอาการ ปวดท้องข้างขวา แบบไม่รุนแรง
หากอาการยังไม่รุนแรงมาก ไม่มีไข้สูงหรืออาการฉุกเฉิน สามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องหรือยกของหนัก
- งดอาหารมันจัด ทอดจัด เผ็ดจัด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชั่วคราว
- ทานอาหารย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ผักสุก ผลไม้ไม่ระคายเคือง
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพื่อช่วยการทำงานของตับ ไต และระบบย่อยอาหาร
- สังเกตอาการตัวเอง หากอาการ ปวดท้องข้างขวา ไม่ดีขึ้นหรือมีอาการอื่นผิดปกติร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์
สรุป: อย่ามองข้ามอาการ ปวดท้องข้างขวา
อาการ ปวดท้องข้างขวา อาจเกิดจากสาเหตุเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงโรคที่ต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจัง เช่น ถุงน้ำดีอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ หรือตับมีปัญหา การสังเกตตำแหน่งการปวด ความรุนแรง ระยะเวลาที่ปวด และอาการอื่นร่วมด้วย เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ไม่มองข้ามสัญญาณเตือนจากร่างกาย
หากคุณมีอาการปวดบ่อย ๆ ปวดเรื้อรัง หรือสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาตับหรืออวัยวะอื่น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง และเลือกแนวทางดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด
