อาการ ปวดท้องข้างขวา โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้น เวลาเดิมทุกวัน อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม อาการนี้อาจเกิดจากระบบทางเดินอาหาร ตับ ถุงน้ำดี หรือปัญหาทางกล้ามเนื้อ
มาดูกันว่าสาเหตุที่เป็นไปได้มีอะไรบ้าง และเมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์
สาเหตุของอาการปวดท้องข้างขวาเป็นเวลาเดิมทุกวัน
1. นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones) หรือถุงน้ำดีอักเสบ
อาการ:
ปวดท้องข้างขวาบน มักเกิดหลังรับประทานอาหารมัน ๆ หรือมื้อหนัก
ปวดเป็นเวลาเดิม โดยเฉพาะช่วงเย็นหรือกลางคืน
คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด
ทำอย่างไรดี?
หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง
ดื่มน้ำให้เพียงพอ และรับประทานอาหารให้เป็นเวลา
หากปวดรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจอัลตราซาวด์
2. กรดไหลย้อน หรือโรคกระเพาะอาหาร
อาการ:
ปวดท้องข้างขวาบนหรือกลางท้อง โดยเฉพาะ หลังอาหารหรือช่วงกลางคืน
แสบร้อนกลางอก เรอบ่อย คลื่นไส้
อาการแย่ลงเมื่อกินอาหารเผ็ด กาแฟ หรือดื่มแอลกอฮอล์
ทำอย่างไรดี?
กินอาหารเป็นเวลา และไม่กินมื้อดึก
หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นกรดไหลย้อน
นอนยกศีรษะสูงหลังอาหาร
3. ลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome – IBS)
อาการ:
ปวดท้องข้างขวาล่าง เวลาเดิมทุกวัน มักเกิดช่วงเช้าหรือหลังอาหาร
ท้องอืด ท้องเฟ้อ ถ่ายเหลวหรือท้องผูกสลับกัน
อาการดีขึ้นหลังจากขับถ่าย
ทำอย่างไรดี?
ลดอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น น้ำอัดลม นม และอาหารทอด
ออกกำลังกายและจัดการความเครียด
ดื่มน้ำมาก ๆ และเพิ่มไฟเบอร์ในอาหาร
4. โรคตับ หรือไขมันพอกตับ
อาการ:
ปวดท้องข้างขวาบนเรื้อรัง มักเป็นตอนดึกหรือตอนเช้า
อ่อนเพลีย น้ำหนักขึ้นง่าย
อาจมีตัวเหลือง ตาเหลือง หากรุนแรง
ทำอย่างไรดี?
ลดอาหารมัน หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์
ออกกำลังกายเพื่อลดไขมันพอกตับ
ตรวจสุขภาพตับและค่าเอนไซม์ตับเป็นระยะ
5. ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis)
อาการ:
ปวดท้องข้างขวาล่าง ปวดหนักขึ้นเรื่อย ๆ
คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้
ปวดมากขึ้นเมื่อกดท้องแล้วปล่อย
ทำอย่างไรดี?
หากสงสัยว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ ควรรีบพบแพทย์ทันที
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
หากปวดท้องข้างขวาและมีอาการต่อไปนี้ ควรพบแพทย์ทันที:
ปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนทนไม่ไหว
ปวดมากจนนอนไม่หลับ
มีไข้สูง คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง
ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม
ปวดท้องข้างขวาเวลาเดิมทุกวัน อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ ระบบย่อยอาหาร ถุงน้ำดี ตับ ไปจนถึงไส้ติ่ง ควรสังเกตอาการร่วม และปรับพฤติกรรมการกินหรือพักผ่อนให้เหมาะสม
หากอาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หรือมีอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย เพื่อป้องกันโรคร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น