1. ไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A; HAV)
ไวรัสตับอักเสบเอ ติดต่อผ่านทางอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น อาหารที่ไม่สุก หรือผ่านการปนเปื้อนจากอุจจาระของผู้ติดเชื้อ โรคนี้มักพบในพื้นที่ที่มีสุขอนามัยไม่ดี และสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายในชุมชน โรงเรียน หรือศูนย์เด็กเล็ก
ลักษณะของโรค: มักเกิดแบบเฉียบพลัน มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ปวดชายโครงขวา ตัวเหลืองตาเหลือง แต่ส่วนใหญ่หายได้เองโดยไม่กลายเป็นโรคเรื้อรัง
การป้องกัน: สามารถฉีดวัคซีนป้องกันได้ และควรรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน เช่น กินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร และดื่มน้ำสะอาดเสมอ
2. ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B; HBV)
ไวรัสชนิดนี้ติดต่อผ่านทางเลือดและสารคัดหลั่ง เช่น การใช้เข็มร่วมกัน การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือการถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในขณะคลอด
ลักษณะของโรค: ในบางรายร่างกายสามารถกำจัดเชื้อได้เอง แต่ส่วนหนึ่งจะกลายเป็น “ตับอักเสบเรื้อรัง” ซึ่งหากปล่อยไว้นานอาจพัฒนาเป็น “ตับแข็ง” หรือ “มะเร็งตับ” ได้
การป้องกัน: ปัจจุบันมีวัคซีน HBV ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถฉีดได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด และเป็นวัคซีนพื้นฐานที่ควรได้รับทุกคน
3. ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C; HCV)
ไวรัสตับอักเสบซี ติดต่อทางเลือดเป็นหลัก เช่น การใช้เข็มร่วมกัน การสักหรือเจาะร่างกายในสถานที่ที่ไม่สะอาด หรือรับเลือดที่ไม่ได้ผ่านการตรวจเชื้ออย่างเข้มงวด
ลักษณะของโรค: ผู้ติดเชื้อจำนวนมากไม่มีอาการชัดเจนในระยะต้น แต่ไวรัสจะค่อย ๆ ทำลายตับอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และมะเร็งตับได้
การรักษา: ปัจจุบันมีการพัฒนายาต้านไวรัสแบบรับประทาน (DAAs) ที่สามารถรักษาให้หายขาดได้กว่า 95% ภายในเวลา 8–12 สัปดาห์
การป้องกัน: ยังไม่มีวัคซีนสำหรับไวรัสชนิดนี้ การป้องกันที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงการสัมผัสเลือดและใช้ของมีคมส่วนตัวแยกจากผู้อื่น
4. ไวรัสตับอักเสบดี (Hepatitis D; HDV)
ไวรัสชนิดนี้มีความพิเศษตรงที่ไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง ต้องอาศัยไวรัสตับอักเสบบีเป็นตัวช่วยในการแพร่พันธุ์ ดังนั้นผู้ที่จะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบดีได้ ต้องมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอยู่ในร่างกายก่อน
ลักษณะของโรค: การติดเชื้อร่วมกัน (HBV + HDV) จะทำให้โรครุนแรงกว่าปกติ มีโอกาสตับวายหรือตับแข็งเร็วขึ้น
การป้องกัน: แม้จะไม่มีวัคซีนสำหรับไวรัสชนิด D โดยตรง แต่สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน HBV เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสบี ซึ่งจะช่วยลดโอกาสติดเชื้อไวรัสดีทางอ้อม
5. ไวรัสตับอักเสบอี (Hepatitis E; HEV)
ไวรัสตับอักเสบอีมีการติดต่อคล้ายกับไวรัสตับอักเสบเอ คือผ่านอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ พบมากในประเทศกำลังพัฒนา และในพื้นที่ที่มีระบบสุขาภิบาลไม่ดี
ลักษณะของโรค: มักเป็นการติดเชื้อเฉียบพลันและหายได้เอง แต่ในหญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้าย โรคนี้อาจรุนแรงถึงขั้นตับวายและเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
การป้องกัน: ยังไม่มีวัคซีนที่ใช้กันทั่วไป การรักษาสุขอนามัยและหลีกเลี่ยงอาหาร/น้ำไม่สะอาดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เปรียบเทียบ ไวรัสตับอักเสบ แต่ละชนิด
ชนิด | การติดต่อหลัก | ลักษณะโรค | มีวัคซีนหรือไม่ | ความเสี่ยงเรื้อรัง |
---|---|---|---|---|
A | อาหาร/น้ำปนเปื้อน | เฉียบพลัน หายเองได้ | มี | ไม่มี |
B | เลือด สารคัดหลั่ง แม่สู่ลูก | เฉียบพลันหรือเรื้อรัง | มี | สูง |
C | เลือด เข็มร่วม สัก/เจาะ | มักเรื้อรัง | ไม่มี | สูง |
D | ร่วมกับเชื้อ HBV | รุนแรงกว่าปกติ | ไม่มี (ป้องกันทางอ้อมได้จาก HBV) | สูง |
E | อาหาร/น้ำปนเปื้อน | เฉียบพลัน หายเองได้ | ไม่มีแพร่หลาย | ต่ำ ยกเว้นหญิงตั้งครรภ์ |
มีไวรัสตับอักเสบชนิดอื่นอีกหรือไม่?
นอกจาก 5 ชนิดหลักนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบไวรัสที่เกี่ยวข้องกับตับอักเสบอื่น ๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบจี (Hepatitis G) แต่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าเป็นสาเหตุของโรคตับอักเสบโดยตรงในคนทั่วไป จึงยังไม่จัดเป็นกลุ่มหลักอย่าง A–E
ไวรัสตับอักเสบแบ่งได้เป็น 5 ประเภทหลัก คือ A, B, C, D และ E ซึ่งต่างกันในเรื่องของการติดต่อ ความรุนแรง และแนวทางการป้องกัน การฉีดวัคซีน (โดยเฉพาะ HAV และ HBV) การรักษาสุขอนามัย และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การใช้เข็มร่วมกันหรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน คือกุญแจสำคัญในการลดการติดเชื้อและปกป้องสุขภาพตับในระยะยาว