ไขมันพอกตับ ปัญหาสุขภาพที่เริ่มจากพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ

หลายคนอาจคิดว่าโรคตับเป็นเรื่องไกลตัว แต่ความจริงแล้วภาวะ ไขมันพอกตับ สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าที่คิด โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนทานอาหารสะดวกซื้อ ดื่มกาแฟหวานจัด และขยับร่างกายน้อยลง ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลให้ไขมันค่อย ๆ สะสมในตับมากขึ้นโดยที่ไม่ทันรู้ตัว

ภาวะ ไขมันพอกตับ มักเป็นแบบเงียบ ไม่แสดงอาการในช่วงแรก แต่เมื่อไขมันสะสมมากขึ้น ตับเริ่มทำงานหนักจนเกิดอาการอ่อนล้า ค่าตับผิดปกติ และนำไปสู่โรคตับที่รุนแรงได้ในอนาคต ดังนั้นการรู้เท่าทันตั้งแต่แรกจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดไขมันสะสมในตับ

  • ทานอาหารมันจัด เช่น หมูกรอบ ไก่ทอด และของจุกจิกระหว่างวัน
  • ดื่มชาเย็น ชานม น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มหวานเป็นประจำ
  • นั่งทำงานเป็นเวลานานโดยไม่ขยับร่างกาย
  • พักผ่อนน้อย เครียดสะสม
  • น้ำหนักขึ้นเร็วหรืออ้วนที่บริเวณหน้าท้อง

อาการที่อาจบอกว่าตับเริ่มมีปัญหา

แม้จะไม่ชัดเจน แต่บางคนอาจสังเกตสิ่งเหล่านี้ได้:

  • รู้สึกอ่อนเพลียง่ายขึ้น
  • แน่นท้อง ท้องอืดหลังทานอาหาร
  • เจ็บหรือจุกเสียดบริเวณชายโครงขวา
  • ผลตรวจสุขภาพพบค่าตับสูง

หากปล่อยไว้อาจเกิดอะไรขึ้น?

ไขมันที่สะสมในตับไม่ได้อยู่เฉย ๆ แต่จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และเพิ่มโอกาสเกิดพังผืด ตับแข็ง หรือโรคมะเร็งตับได้ การดูแลสุขภาพตับตั้งแต่ระยะแรกจึงมีความสำคัญอย่างมาก

วิธีดูแลตับให้แข็งแรง เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้

  • ลดอาหารทอด เลือกวิธีปรุงอาหารแบบนึ่ง ต้ม หรือย่างแทน
  • ลดเครื่องดื่มหวาน เน้นดื่มน้ำเปล่าเป็นหลัก
  • เพิ่มผัก ผลไม้ และอาหารที่มีไฟเบอร์สูงในมื้ออาหาร
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที
  • ควบคุมน้ำหนักและลดรอบเอว
  • ปรับการนอนให้เพียงพอ ลดความเครียดสะสม

ภาวะไขมันสะสมในตับอาจเริ่มขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่สามารถป้องกันได้ง่าย ๆ ผ่านการปรับพฤติกรรมประจำวัน การกินดี นอนให้พอ ออกกำลังกาย และใส่ใจสุขภาพตับอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ตับกลับมาทำงานได้ดี และป้องกันการเกิดโรคร้ายในระยะยาวได้เป็นอย่างดี