ทำไมการ “กินเหล้า” ถึงทำร้ายตับมากกว่าที่คิด?

หลายคนดื่มเหล้าเพื่อผ่อนคลาย เข้าสังคม หรือคลายเครียดหลังงานหนัก แต่ทุกครั้งที่ยกแก้วขึ้นดื่ม แอลกอฮอล์ทั้งหมดจะถูกส่งตรงไปให้ “ตับ” ทำหน้าที่จัดการ เมื่อดื่มบ่อย ดื่มหนัก หรือดื่มต่อเนื่องนานเกินไป เซลล์ตับจะถูกทำลายทีละน้อยจนเกิดการอักเสบ และเสี่ยงโรคตับในอนาคตโดยไม่รู้ตัว

แอลกอฮอล์ทำให้ตับอักเสบได้อย่างไร?

ตับต้องเปลี่ยนแอลกอฮอล์ให้เป็นสารที่ปลอดภัยขึ้น แต่ขั้นตอนนี้ทำให้เกิดสารพิษบางชนิดที่ทำร้ายเซลล์ตับ ยิ่งติดเหล้ามากเท่าไหร่ ตับยิ่งถูกทำลายมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อเซลล์ตับอักเสบซ้ำ ๆ จะนำไปสู่ภาวะไขมันพอกตับ ตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งตับในอนาคต

สัญญาณเริ่มต้นของตับที่กำลังเหนื่อย

ถ้าคุณดื่มเหล้าเป็นประจำ ลองสังเกตอาการเหล่านี้ ซึ่งอาจบอกว่าตับเริ่มรับไม่ไหวแล้ว:

  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง แม้นอนครบ
  • แน่นลิ้นปี่ หรือท้องอืดบ่อย
  • เบื่ออาหาร คลื่นไส้หลังดื่ม
  • หน้า หมอง คล้ำง่าย
  • ค่าตับสูงเมื่อไปตรวจสุขภาพ

ลดการดื่มเพื่อให้ตับฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

แม้ยังเลิกเหล้าไม่ได้ แต่การลดปริมาณและความถี่สามารถช่วยตับได้ เช่น:

  • งดดื่มติดต่อกันหลายวัน
  • ดื่มน้ำเปล่าสลับเพื่อให้ร่างกายขับแอลกอฮอล์ออก
  • ไม่ดื่มจนเมาหนักเกินไป
  • เลือกอาหารเบา ๆ ลดของทอด ของมัน

ตัวช่วยฟื้นฟูตับที่หลายคนเลือกใช้

เพื่อให้ตับฟื้นตัวจากความเสียหายที่สะสม หลายคนเลือกใช้ อาหารเสริมบำรุงตับ ร่วมกับการปรับพฤติกรรม เพื่อช่วยลดภาระของตับในช่วงที่ต้องดื่มเหล้าบ้างเป็นบางครั้ง อย่างไรก็ตาม การใช้ อาหารเสริมบำรุงตับ ไม่สามารถทดแทนการลดแอลกอฮอล์ได้ หากยังดื่มหนักเหมือนเดิม ตับก็ยังคงถูกทำลายเหมือนเดิมเช่นกัน ตัวช่วยเหล่านี้จึงควรใช้ควบคู่กับการปรับพฤติกรรมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด

เริ่มดูแลตับวันนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป

ตับมีบทบาทสำคัญต่อระบบเผาผลาญและการกำจัดสารพิษของร่างกาย หากปล่อยให้ตับเสียหายมากเกินไป การฟื้นฟูอาจใช้เวลานานและสร้างผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างมาก ดังนั้นการลดการดื่มเหล้า ดูแลการกิน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ตับแข็งแรงในระยะยาว