อาการหลักของกรดไหลย้อน
ผู้ที่มีภาวะกรดไหลย้อนมักมีอาการชัดเจน เช่น แสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว จุกบริเวณลิ้นปี่ แน่นหน้าอก รวมถึงมีอาการไอเรื้อรัง เสียงแหบ เจ็บคอ โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารมื้อใหญ่ หรือหลังกินอาหารมัน เผ็ด หรือดื่มชา กาแฟ และน้ำอัดลม
ปวดท้องข้างขวาไม่ใช่อาการหลักของกรดไหลย้อน
แม้ว่ากรดไหลย้อนจะทำให้รู้สึกแน่นท้องหรือจุกเสียดได้ แต่ตำแหน่งอาการปวดส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณกลางอก หรือลิ้นปี่มากกว่า ไม่ใช่ตำแหน่ง ปวดท้องข้างขวา ดังนั้นหากมีอาการปวดเฉพาะจุดทางด้านขวาของช่องท้อง โดยเฉพาะบริเวณชายโครงขวา ปวดร้าวไปหลัง หรือปวดร่วมกับไข้ คลื่นไส้อาเจียน อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาของถุงน้ำดี ตับ หรือลำไส้ ซึ่งควรรีบตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
แยกกรดไหลย้อนออกจากอาการอื่นได้อย่างไร?
เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน สามารถสังเกตอาการแยกได้ดังนี้:
- กรดไหลย้อน: แสบร้อนกลางอก จุกลิ้นปี่ เรอเปรี้ยวหลังอาหาร
- อาการปวดท้องด้านขวา: ปวดจี๊ด ปวดตุบ หรือแน่นบริเวณชายโครงขวา
อาจเกี่ยวกับระบบถุงน้ำดี เช่น นิ่วในถุงน้ำดี หรือถุงน้ำดีอักเสบ
(อ่านเพิ่มเติม) - ปัญหาตับหรือทางเดินน้ำดี: อาจมีตัวเหลือง ตาเหลือง ร่วมด้วย
สาเหตุที่ทำให้กรดไหลย้อนกำเริบ
พฤติกรรมหลายอย่างกระตุ้นให้กรดไหลย้อนรุนแรงขึ้น เช่น:
- กินมื้อใหญ่หรือกินแล้วนอนทันที
- กินอาหารมัน ของทอด เผ็ดจัด หรือเปรี้ยวจัด
- ดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ แอลกอฮอล์
- เครียดจัด พักผ่อนไม่พอ สูบบุหรี่
- น้ำหนักเกิน ทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น
ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อเป็นกรดไหลย้อน?
- แบ่งอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ แต่กินบ่อยขึ้น
- หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการ เช่น ช็อกโกแลต นมเปรี้ยว น้ำอัดลม
- ไม่ควรนอนราบทันทีใน 2–3 ชั่วโมงหลังอาหาร
- ลดการดื่มชา กาแฟ และแอลกอฮอล์
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนัก
กรดไหลย้อนเป็นโรคที่พบบ่อยและมักกำเริบตามพฤติกรรมการกินหรือความเครียด แม้ว่าอาจทำให้เกิดอาการแน่นท้องหรือจุกลิ้นปี่ แต่โดยทั่วไปไม่ได้ทำให้ ปวดท้องข้างขวา หากมีอาการปวดเฉพาะจุดทางด้านขวาร่วมกับอาการผิดปกติอื่น ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนในอนาคต
