มะเร็งตับ (Liver Cancer) เป็นโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นในเนื้อเยื่อตับ สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่
- มะเร็งตับชนิดปฐมภูมิ (Primary Liver Cancer) เกิดขึ้นโดยตรงจากเซลล์ตับ เช่น มะเร็งเซลล์ตับ (Hepatocellular Carcinoma – HCC)
- มะเร็งตับชนิดทุติยภูมิ (Secondary Liver Cancer) เกิดจากเซลล์มะเร็งที่แพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่น เช่น ปอด ลำไส้ หรือเต้านม
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดมะเร็งตับ
มะเร็งตับสามารถเกิดจากหลายปัจจัยที่ทำให้เซลล์ตับผิดปกติและพัฒนาเป็นมะเร็งได้ โดยสาเหตุหลักมีดังนี้
1. การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี (HBV และ HCV)
เชื้อไวรัสตับอักเสบเหล่านี้ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะตับแข็งและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับ
2. ภาวะตับแข็ง (Cirrhosis)
ตับแข็งเป็นภาวะที่ตับเกิดพังผืดและการทำงานของตับลดลง มักเกิดจากไวรัสตับอักเสบ การดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลานาน หรือภาวะไขมันพอกตับ
3. การบริโภคแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง อาจกระตุ้นให้เกิดตับแข็งและเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดเซลล์มะเร็งในตับ
4. ภาวะไขมันพอกตับ (NAFLD / NASH)
ไขมันสะสมในตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ อาจเป็นต้นเหตุของการอักเสบและนำไปสู่มะเร็งตับได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคอ้วนหรือเบาหวาน
5. การปนเปื้อนของสารอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin)
อะฟลาทอกซินเป็นสารพิษที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งอาจปนเปื้อนในอาหาร เช่น ถั่วลิสง ข้าวโพด และธัญพืช หากบริโภคเป็นประจำอาจเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งตับ
6. พันธุกรรมและปัจจัยทางกรรมพันธุ์
บุคคลที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งตับ อาจมีโอกาสเสี่ยงสูงขึ้นในการเกิดโรค
7. การได้รับสารเคมีและยาบางชนิด
- สารเคมีอันตราย เช่น อาร์เซนิก (Arsenic) และไวนิลคลอไรด์ (Vinyl Chloride) อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับ
- การใช้สเตียรอยด์เป็นเวลานาน อาจเพิ่มโอกาสให้เซลล์ตับเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็งได้
8. พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม
การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง หรืออาหารแปรรูป อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะอ้วนและไขมันพอกตับ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งตับ
อาการที่อาจบ่งบอกถึงมะเร็งตับ
ระยะแรกของมะเร็งตับมักไม่มีอาการชัดเจน แต่เมื่อโรคลุกลาม อาจพบอาการดังต่อไปนี้
✔ น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
✔ เบื่ออาหารและอ่อนเพลีย
✔ ปวดท้องด้านขวาบน
✔ ท้องบวมและตับโต
✔ อาการดีซ่าน (ตัวเหลือง ตาเหลือง)
✔ คลื่นไส้หรืออาเจียน
หากมีอาการเหล่านี้เป็นเวลานาน ควรรีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัย
วิธีลดความเสี่ยงและป้องกันมะเร็งตับ
🔹 ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี เพื่อลดความเสี่ยงของโรคตับอักเสบเรื้อรัง
🔹 หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาด เพื่อลดภาระของตับ
🔹 เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ และหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจปนเปื้อนสารพิษ
🔹 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงของไขมันพอกตับและโรคอ้วน
🔹 ตรวจสุขภาพตับเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
มะเร็งตับเป็นโรคร้ายที่สามารถป้องกันได้หากดูแลสุขภาพตับให้ดี หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง และตรวจสุขภาพเป็นประจำ หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ